คอลัมน์ “เสพสม”

เสพสมบ่มิสม วันที่ 19 กรกฎาคม 2560

ยาปฏิชีวนะที่แนะนำได้แก่ ยาดอกซีไซคลีน (Doxycycline) 100 มิลลิกรัมรับประทานวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 21 วันยาปฏิชีวนะทางเลือกอื่นได้แก่ ยาอิริโทรมัยซิน (Erythromycin) 500 มิลลิกรัมรับประทานวันละ 4 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 21 วัน หรือยาอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) 1 กรัม รับประทานสัปดาห์ละครั้งเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ส่วนใหญ่ฝีจะค่อย ๆ ยุบภายใน 1-2 สัปดาห์

ถ้าฝียังไม่ยุบและมีลักษณะนุ่ม แพทย์อาจพิจารณาเจาะดูดหนองออกผ่านผิวหนังหรือถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้อาจต้องผ่าระบายหนองออกเพื่อป้องกันการเกิดแผลบริเวณต้นขา

ผลการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการอักเสบ พังผืด และการเป็นแผลเป็น ถ้าโรคฝีมะม่วงได้รับการรักษาเร็ว ภาวะแทรกซ้อนของโรครุนแรงจะไม่พบ

อย่างไรก็ตามถ้าไม่ได้รับการรักษาจนป่วยเป็นระยะท้ายของโรค การหายของโรคจากการอักเสบหรือแผลเป็นโดยมีร่องรอยเดิมอาจไม่ดีนัก เช่น การตีบแคบของลำไส้ การเป็นหนองหรือเกิดรูทะลุระหว่างอวัยวะ หรือภาวะบวมน้ำเหลือง (lymphedema)

นอกจากนี้อาจเกิดผลข้างเคียงของทั้งระบบร่างกาย ได้แก่ การติดเชื้อของโรคหัวใจและโรคปอด ถ้าไม่ได้รับการรักษา

สิ่งที่ควรพิจารณา
ผู้ป่วยควรได้รับการติดตามการรักษาจนอาการและอาการแสดงหายดีแล้ว ผู้ป่วยซึ่งได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคฝีมะม่วงควรได้รับการตรวจสำหรับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะโรคเอชไอวี (HIV) โรคหนองในหรือโกโนเรีย Gonorrhea)โรคซิฟิลิส (Syphilis) ผู้ป่วยซึ่งตรวจแล้วเป็นบวกโรคอื่น ๆ ควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม

การรักษาดูแลคู่นอน
บุคคลซึ่งได้สัมผัสทางเพศกับผู้ป่วยโรคฝีมะม่วงภายใน 60 วันก่อนที่ผู้ป่วยจะแสดงอาการควรได้รับการตรวจการติดเชื้อคลาไมเดียทราโคมาติส ท่อปัสสาวะ ช่องคลอดหรือทวารหนัก โดยขึ้นอยู่กับตำแหน่งกายวิภาคที่ได้รับการติดต่อโรค

การพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ

ผู้หญิงตั้งครรภ์
ผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรควรพิจารณารักษาด้วยยาอิริโทรมัยซิน (Erythromycin) และควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาดอกซีไซคลีน (Doxycycline) ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของการตั้งครรภ์เพื่อหลีกเลี่ยงฟันเหลืองดำหรือฟันตกกระ ( discoloration teeth )

การติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
ผู้ป่วยซึ่งได้รับการติดเชื้อทั้งฝีมะม่วงและเอชไอวี ควรได้รับการรักษาโดยการรับประทานยาเหมือนกับผู้ป่วยซึ่งมีเอชไอวีเป็นลบ อย่างไรก็ตามอาจต้องให้การรักษานานขึ้นและการหายของอาการของโรคอาจช้าออกไป.

................................................
ศ.นท.ดร.สมพล เพิ่มพงศ์โกศล