คอลัมน์ “เสพสม”

เสพสมบ่มิสม วันที่ 19 กันยายน 2562

กราบเรียน คุณหมอ ดร.โอ ที่นับถือ
ผมอายุ 70 ปี ก่อนหน้านี้ผมมักจะมีอาการปัสสาวะบ่อยมากในเวลากลางคืน ประมาณคืนละ 3-4 ครั้ง และปัสสาวะที่ออกมาก็ไม่พุ่ง ผมคิดว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน จึงรีบรับการตรวจกับหมอที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด หมอตรวจร่างกาย และเจาะเลือดดูอย่างละเอียด พบว่าผมป่วยเป็นต่อมลูกหมากโต แต่ไม่ใช่มะเร็ง หมอจึงจัดยากินให้ผม เพื่อลดอาการดังกล่าว หลังจากที่ผมกินยารักษาได้ไม่นาน ผมก็เริ่มรู้สึกว่าเวลาที่ผมจะร่วมเพศกับภรรยาวัย 48 ปี ทีไร การแข็งตัวของอวัยวะเพศมักจะไม่เต็มที่ สอดใส่ไม่ได้ ภรรยาก็พยายามช่วยแต่ก็ไม่ได้ผล ผมจึงไปปรึกษาหมอ หมอก็ให้ผมกินยาเฉพาะกิจพบว่าการแข็งตัวดีขึ้น แต่ก็ไม่สามารถถึงจุดสุดยอดได้ ผมจึงอยากเรียนถามคุณหมอว่ามียาชนิดไหนที่สามารถทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ดีและถึงจุดสุดยอดได้บ้างครับ
 
ด้วยความนับถือ
ตั้ม 70

ตอบ ตั้ม 70
ต่อมลูกหมากจะโตขึ้นตามวัย และโตมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น โดยในชายวัย 45 ปี ขึ้นไปพบได้มากขึ้น ซึ่งเป็นช่วงที่เซลล์บริเวณนั้นจะเจริญโตขึ้นรวดเร็ว จะพบว่าต่อมลูกหมากที่โตขึ้นนี้จะเริ่มเบียดอุดตันท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการปัสสาวะลำบาก และการอุดตันทำให้ปัสสาวะคั่งค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะมากกว่าปกติ จะสังเกตได้ว่ามักจะเกิดในผู้ชายวัยเกิน 60 ปีขึ้นไป ซึ่งถ้าปล่อยไว้อาจโตมากจนปัสสาวะไม่ออก จนเป็นอันตรายต่อผู้สูงอายุเหล่านั้นได้ โรคต่อมลูกหมากโต (BPH) คือ ภาวะที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ผิดปกติ เนื่องจากตำแหน่งของต่อมลูกหมากจะอยู่ในบริเวณใต้กระเพาะปัสสาวะ ด้วยเหตุที่ต่อมลูกหมากจะห่อหุ้มท่อปัสสาวะส่วนต้นไว้

ดังนั้นเมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้นก็อาจกดทับท่อปัสสาวะให้ตีบเล็กลง ส่งผลให้คนไข้มีอาการปัสสาวะติดขัด นอกจากนี้ต่อมลูกหมากโตอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผนังกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะหนาขึ้น เนื่องจากต้องบีบตัวแรงขึ้นเพื่อขับน้ำปัสสาวะให้ผ่านท่อแคบ ๆ และเมื่อผนังกระเพาะปัสสาวะหนาตัวขึ้นก็จะส่งผลต่อความสามารถในการกักเก็บน้ำปัสสาวะลดลง คนไข้จึงต้องปัสสาวะบ่อย และอาจได้รับการกระตุ้นให้ปวดปัสสาวะขึ้นมาอย่างกะทันหันได้

นอกจากนี้ในคนไข้ที่เป็นต่อมลูกหมากโตก็มักจะมีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศตามมาไม่ว่าจะเป็นการแข็งตัวไม่เต็มที่ และไม่สามารถหลั่งน้ำอสุจิได้ จึงส่งผลให้คนไข้กลุ่มนี้ไม่สามารถมีความสุขทางเพศได้เท่าที่ควร ปัจจุบันมียารักษาคนไข้ต่อมลูกหมากโตและมีอาการอีดีร่วมด้วย ยาที่ใช้จะเป็นยาในกลุ่มพีดีอี 5 ไอ ชนิด 36 ชั่วโมง จากการศึกษาในคนไข้กลุ่มดังกล่าวจำนวน 511 คน และเป็นอีดี 310 คน ด้วยการใช้ยากลุ่มพีดีอี 5 ไอ ชนิด 36 ชั่วโมงขนาด 5 มก. วันละครั้งเป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าคนไข้มีการแข็งตัวขององคชาตเต็มที่ และสามารถถึงจุดสุดยอดหลั่งน้ำอสุจิได้ ยาชนิดนี้จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีในการรักษาคนไข้ต่อมลูกหมากโตร่วมกับอาการอีดี

การรักษาอาการอีดีในคนไข้แต่ละรายไม่เหมือนกัน การรักษาจะต้องอาศัยหลาย ๆ วิธีร่วมกัน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้เป็นหลัก อย่างไรก็ตามยาแต่ละชนิดย่อมมีผลข้างเคียง ดังนั้นการเข้ารับคำแนะนำและรักษาฟื้นฟูอาการอีดีจากแพทย์ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวคุณ.
...........................
ดร.โอ สุขุมวิท 51