คอลัมน์ “เสพสม”

เสพสมบ่มิสม วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563

เรียนคุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51 ที่เคารพ
ผมอายุ 66 ปี มีปัญหาในเรื่องความดันเลือดสูงและเป็นเบาหวานมาได้ 3 ปีแล้ว เข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์โรงพยาบาลใกล้บ้าน ด้วยการกินยาควบคุมน้ำตาลและไขมันอย่างต่อเนื่อง ออกกำลังกายด้วยการวิ่งทุกวันตอนเช้าเป็นประจำ แต่เรื่องที่ผมไม่ค่อยสบายใจก็คือสมรรถภาพทางเพศเริ่มเสื่อมลงคือ แข็งตัวช้าต้องใช้เวลาอุ่นเครื่องนานมาก ปรึกษาเพื่อนในรุ่นเดียวกันต่างก็แนะนำให้ใช้ยาช่วย ผมก็ซื้อยามากินแข็งตัวได้ดีมากแต่มีการปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัวและก็หน้าแดง ผมกลัวและตกใจมาก จึงหยุดกินเพราะมีโรคประจำตัวคือความดันและเบาหวาน ไม่กล้ากลัวจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ง่าย ๆ ผมจึงมาขอคำแนะนำจากคุณหมอ ดร.โอ โดยตรงดีกว่าเพราะคุณหมอมีความรู้และเชี่ยวชาญในเรื่องนี้เป็นอย่างดี
 
ด้วยความเคารพ
รัจน์ 66

ตอบ รัจน์ 66
ในคนปกติที่ไม่มีปัญหาในเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศแล้ว กลไกการแข็งตัวของอวัยวะเพศจะเกิดสารเคมีที่มีชื่อว่า ไซคลิกจีเอ็มพี (C-GMP) ที่จะถูกสร้างขึ้นเมื่อฝ่ายชายได้รับการกระตุ้นทางเพศ จะไปมีผลทำให้หลอดเลือดแดงที่อวัยวะเพศขยายตัวและสารเคมีชนิดนี้จะถูกทำลายลงด้วยการทำงานของเอนไซม์ฟอสไฟโคเอสเตอเรส 5 โดยสารตัวนี้จะถูกปล่อยออกมาตามหลังสารไซคลิกจีเอ็มพี ออกมาที่ผนังของหลอดเลือดที่อวัยวะเพศชายทำให้เกิดการอ่อนตัวขององคชาต ซึ่งถือเป็นกลไกตามธรรมชาตในคนปกติทั่วไป ปริมาณของสารไซคลิกจีเอ็มพี และอัตราการถูกทำลายด้วยเอนไซม์ฟอสไฟโคเอสเตอเรส 5 จะเป็นไปอย่างสมดุล

ส่วนในฝ่ายชายที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวช้าอ่อนตัวไว มักจะมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากผนังหลอดเลือดถูกทำลาย ทำให้สารไซคลิกจีเอ็มพี หลั่งออกมาน้อยจึงต้องพยายามแก้ปัญหาด้วยการหายาที่ช่วยทำให้แข็งตัวได้ดี และนานพอสำหรับการร่วมเพศ ซึ่งยาที่ผู้ชายส่วนใหญ่รู้และนิยมใช้กันคือยาเฉพาะกิจ กลไกการทำงานของยาชนิดนี้จะไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ฟอสไฟโคเอสเตอเรส 5 ให้เกิดการแข็งตัวได้นานและดีพอ เนื่องจากก่อนที่จะมีการหลั่งสารไซคลิกจีเอ็มพีออกมาจะมีสารไนตริกออกไซด์ถูกหลั่งออกมาก่อนเมื่อถูกกระตุ้นทางเพศ สารชนิดนี้จะทำให้เกิดการขยายของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจและกล้ามเนื้อ

การออกฤทธิ์ของยาก็จะไปทำให้หลอดเลือดทั่วร่างกายเกิดการขยายตัวจึงอาจทำให้มีอาการปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว หน้าแดง ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยา หากโชคร้ายมีการใช้ยาดังกล่าวร่วมกับยารักษาโรคหัวใจกลุ่มไนเตรทแล้วยิ่งทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ การรักษาอาการอีดีด้วยยากินแล้วเกิดผลข้างเคียงตามที่กล่าวมานั้น สามารถเปลี่ยนแนวทางการรักษาใหม่ได้ด้วยการใช้ยาฉีด การใช้เทคนิคฝึกบริหารให้กล้ามเนื้อเพศแข็งแรงและหลอดเลือดที่องคชาตเกิดการขยายตัวให้เกิดการแข็งตัวโดยที่ไม่ต้องใช้ยาช่วย ล่าสุดเพิ่มขึ้นมาก็คือการใช้คลื่นความถี่ต่ำรักษาคนไข้อย่างคุณให้ฟื้นตัวสู่ภาวะปกติโดยลดหรือไม่ต้องใช้ยาเฉพาะกิจ ช่วยให้แข็งตัวเช่นระดับก่อนเป็นเบาหวาน วิธีนี้รักษาอีดีทันสมัยล่าสุด ในบางกรณีแค่ยากินยังไม่ทันใจตามความต้องการทั้งสองฝ่ายก็แนะนำให้ใช้ยาฉีดใช้เวลา 15 นาที ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ครั้งละ 30-40 นาที ให้เลือกได้ ยาฉีดไม่กลัวยาหัวใจ.
...........................
ดร.โอ สุขุมวิท 51