คอลัมน์ “เสพสม”
เสพสมบ่มิสม วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558
เสพสมบ่มิสม วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 | เดลินิวส์
เรียน คุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51
ผมอายุ 70 ปี เคยป่วยเป็นต่อมลูกหมากโตมาเกือบ 3 ปี ไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยการผ่าตัดต่อมลูกหมากออก พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลและกลับมาบ้าน ปฏิบัติตัวและกินยาอย่างเคร่งครัดทุกอย่างตามที่หมอสั่งไว้ หลังจากนั้นอีกไม่นานผมก็มีปัญหาขาดความสุขจากการเสพสมเพศสัมพันธ์ เพราะอวัยวะสำคัญไม่แข็งตัว กลับไปพบแพทย์อีกครั้งบอกเล่าอาการที่เกิดขึ้น ได้รับยาเฉพาะกิจมากินช่วยเสริมในระยะแรก ๆ ก็ได้ผลบ้าง นาน ๆ ไปอาการก็กลับมาเหมือนเดิมอีกไม่แข็งตัวเลย ผมจึงอยากรู้ว่าทำไมช่วงแรก ๆ ถึงใช้งานได้ดี แต่พอใช้ยาเฉพาะกิจไปนาน ๆ ถึงไม่ดีเหมือนเดิม และคนที่ได้รับการผ่าตัดต่อมลูกหมากจะสามารถมีความสุขทางเพศได้อีกบ้างไหม พร้อมกันนี้ผมยังมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้ จึงควรจะทำอย่างไรดีกับปัญหาทั้งหมดนี้ครับ
ขอคำอธิบายพร้อมคำตอบแนะนำด้วยด้วยความนับถือ
ส.
ตอบ คุณ ส.
ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดต่อมลูกหมากแล้วมักพบว่าจะมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศลดลง ซึ่งแพทย์มักจะให้กินยาในกลุ่มพีดีอี 5 ไอ หรือที่รู้จักกันในยาเฉพาะกิจ ในการรักษาอาการองคชาตไม่แข็งตัวเพื่อให้คนไข้สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้เป็นปกติดังเดิม โดยปกติแล้วอาการแข็งตัวขององคชาตจะเริ่มที่มีการกระตุ้นทางเพศแล้วจะมีการหลั่งสารไนตริกออกไซด์จากปลายประสาทบริเวณองคชาต ประกอบด้วยสารไนตริกออกไซด์ที่สร้างจากผนังหลอดเลือด ซึ่งสารไนตริกออกไซด์จะมีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือดโดยการกระตุ้นผ่านเอนไซม์กัวนิเลท ไซเคลส (Guanylate Cyclase) ซึ่งจะทำให้ระดับของไซคลิกจีเอ็มพี (cGMP) เพิ่มขึ้นทำให้กล้ามเนื้อเรียบมีการคลายตัวลงทำให้การไหลเวียนเลือดเข้าสู่องคชาตเพิ่มขึ้นและมีการแข็งตัวเกิดขึ้น และการแข็งตัวนี้จะไม่กดเส้นเลือดดำไว้ทำให้เลือดไหลออกจากองคชาตน้อยลง ซึ่งคงการแข็งตัวไว้ได้ แต่จะมีเอนไซม์พีดีอี 5 มาทำลายสารไซคลิกจีเอ็มพี (cGMP) ทำให้การแข็งตัวลดลงส่งผลให้องคชาตอ่อนตัวในที่สุด ยากลุ่มพีดีอี 5 ไอ จะทำงานโดยการยับยั้งการทำลายสารไซคลิกจีเอ็มพี (cGMP) จากเอนไซม์พีดีอี 5 จึงช่วยเพิ่มการไหลของเลือดเข้าองคชาตมากขึ้น ระหว่างที่มีการกระตุ้นทางเพศ จึงแสดงว่ายาเฉพาะกิจจะทำงานได้ดีนั้นจะต้องมีการกระตุ้นทางเพศที่ดีพอหากมีการกระตุ้นที่ไม่เพียงพอในการเกิดอารมณ์ทางเพศการแข็งตัวก็จะเกิดได้ไม่เต็มที่ ตัวที่สำคัญอีกอย่างในการทำงานของยาเฉพาะกิจคือระดับฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน ดังนั้นการรักษาอาการอีดีในกลุ่มคนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดต่อมลูกหมากมีสาเหตุกระทบหลังผ่าตัดไปโดนเส้นประสาททำให้การแข็งตัวลดลงมากกว่าปกติ ต้องเพิ่มวิธีการฟื้นฟูหลายระบบด้วยกัน อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาเฉพาะกิจเพียงอย่างเดียวมีอีกหลายวิธีที่ฟื้นฟูอาการอีดีได้ แนะนำให้เข้ารับการปรึกษาจากแพทย์โดยตรง อาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้นั้นมีวิธีใหม่เอี่ยมเรียกว่าคิวอาร์เอส มีความสามารถฟื้นฟูกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานตามหลักของคีเกล หรือด้วยเครื่องออกกำลังกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานนั่นคือคิวอาร์เอส เป็นเทคโนโลยีใหม่จากประเทศเยอรมนี ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นตัวกระตุ้น ฝึกออกกำลังกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานด้วยเครื่ีองคิวอาร์เอส สัปดาห์ละ 1-2 หน ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานก็จะแข็งแรงสามารถกลั้นปัสสาวะได้ แถมยังมีกล้ามเนื้อเพศที่แข็งแรงตามมาด้วยท่านใดที่มีปัญหาสมรรถภาพทางเพศที่จะต้องขอถามหรือขอคำแนะนำปรึกษาให้โทรฯ ได้เบอร์ 08-1814-5441 และเว็บไซต์ www.meetdoctoro.comดร.โอ สุขุมวิท 51
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-
หนุ่มใหญ่สงสัย! ใช้ยาเฉพาะกิจร่วมกับฮอร์โมนเพศ กู้เจ้าโลกไม่เเข็งได้ไหม? ป่วยความดันสูง เบาหวาน การรักษาอาการดังกล่าวร่วมกับยาเฉพาะกิจ จะเกิดอันตรายอย่างใดหรือไม่ หากมีจะมีทางเลี่ยงอย่างไรบ้าง?
-
หนุ่มใหญ่สุดทุกข์! ฮอร์โมนลด-ไขมันสูง ทำน้องชายไม่ค่อยสู้
-
ไม่เคยเสร็จเลย! ภรรยา 41 กลุ้มใจ! สามีหลั่งเร็วไป จนไม่เคยถึงจุดสุดยอด