คอลัมน์ “เสพสม”

เสพสมบ่มิสม 12/12/2557

ชายอ้วน ไม่อ้วน สามารถคำนวณได้จากดัชนีมวลกายหรือที่เรียกว่าบีเอ็มไอ (BMI) เท่ากับน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม/ความสูงเป็นเมตรยกกำลังสอง โดยเกณฑ์ปกติ BMI ควรอยู่ระหว่าง 18.5-22.9 ผลที่ได้คือน้ำหนักปกติ ดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 23.0-24.9 คุณเริ่มมีน้ำหนักเกิน ต้องพยายามลดให้ต่ำกว่า 23.0 ดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 25.0-29.9 จัดว่าเป็นคนอ้วนระดับ 1 และหากมีเส้นรอบเอวมากกว่า 90 ซม. ในชายและในหญิง 80 ซม. คุณมีโอกาสเกิดโรคความดัน เบาหวานสูง ต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ดัชนีมวลกายมากกว่า 30 จัดว่าอ้วนระดับ 2 เสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มากับความอ้วนคือดูจากสายตา คือดูที่เอว ในชายจะมีพุงออก จากไขมันสะสมที่หน้าท้อง ส่วนฝ่ายหญิงไขมันสะสมที่ตะโพก 2 ข้างแทนพุงชายที่อ้วนลงพุงและเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคอีดี และมีอาการระบบปัสสาวะส่วนล่างเพิ่มขึ้น เกิดการอักเสบของเซลล์ทั่วร่างกาย และเซลล์เยื่อบุผิวภายในผนังหลอดเลือดหนาผิดปกติ จึงทำให้มีอาการของโรคอีดี ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยกับชายที่อ้วนและเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 คือไม่พึ่งอินซูลินอยู่แล้ว เนื่องจากภาวะอ้วน และมีภาวการณ์ดื้อต่ออินซูลิน คือมีอินซูลินอยู่แล้วแต่อินซูลินไม่สามารถออกฤทธิ์เผาผลาญน้ำตาลได้ ทั้งอ้วนและดื้อต่ออินซูลิน เซลล์เยื่อบุผิวภายในผนังหลอดเลือดมีการขยายของหลอดเลือดแดงน้อยลง สาเหตุเหล่านี้ทำให้เกิดการอักเสบและทำให้เกิดการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (อีดี) มีอาการอักเสบของระบบปัสสาวะส่วนล่างเพิ่มขึ้น และที่คู่กันไปก็คือฮอร์โมนชายลดต่ำลงเรื่อย ๆ

การลดน้ำหนักตัวโดยการควบคุมอาหารจะช่วยให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น มีการศึกษาวิจัยพบว่าการลดน้ำหนักของชายอ้วน ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 โดยการให้รับประทานอาหารประเภทให้พลังงานน้อย ให้พลังงานประมาณ 900 แคลอรีต่อวัน กับอาหารชนิดแป้งและไขมันต่ำและให้มีโปรตีนมากขึ้น ทำให้ลดน้ำหนักได้อย่างน้อยประมาณ 10% ทำให้การทำงานของเซลล์เยื่อบุผิวภายในผนังหลอดเลือดและการอักเสบดีขึ้นชัดเจน และยังพบว่ามีระดับฮอร์โมนเพศเทสโทสเตอโรนและเอสเอชบีจี (SHBG) เพิ่มขึ้น และพบว่าน้ำหนักตัวลดลงประมาณ 5% ดังนั้นจะเห็นว่าการลดน้ำหนักเสริมด้วยยาฟื้นฟูเส้นเลือดในคนไข้น้ำตาลสูงจะช่วยให้การแข็งตัวของอวัยวะเพศ ระบบปัสสาวะ การทำงานของเซลล์เยื่อบุผิวหนังหลอดเลือดดีขึ้น และลดการอักเสบที่เกิดในร่างกายโดยเฉพาะในกลุ่มชายเบาหวานจนมีสุขภาพทางเพศฟื้นดีเช่นวัยหนุ่มได้อีกครั้ง นอกจากนี้การฟื้นฟูกล้ามเนื้อเพศก็สำคัญมากเพราะการแข็งตัวขององคชาตนั้นจะต้องอาศัยระบบไหลเวียนเลือด ระบบฮอร์โมน ระบบประสาท และระบบกล้ามเนื้อ

ปัจจุบันมีวิธีบริหารกล้ามเนื้อเพศแบบตำนานของนายแพทย์อาร์โนล คีเกล (Arnold Kegel) ช่วยให้กระชับกล้ามเนื้อเพศและกระชับกล้ามเนื้อเชิงกรานจะช่วยการไหลเวียนเลือดที่ดีขึ้น ช่วยให้การแข็งตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในชายและช่วยเพิ่มพลังทางเพศแก่ฝ่ายหญิงได้ด้วย การฝึกต้องปรึกษาแพทย์จะได้รับการฝึกอย่างถูกต้องตามตำนาน 30 ปีตามที่ได้แนะนำมาในตำราแพทย์ทางเพศศึกษา

ท่านที่มีคำถามหรือต้องการขอคำปรึกษาให้ส่งจดหมายมาที่ นสพ.เดลินิวส์ เลขที่ 1/4 ถนนวิภาวดีรังสิต หลักสี่ กท. 10210 วงเล็บมุมซองด้วยว่าส่งต่อ ดร.คิว หรือให้โทรฯได้ที่เบอร์ 08-1133-3068.

ดร.คิว ลานทอง