คอลัมน์ “เสพสม”

เสพสมบ่มิสม วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564

อาการที่ไม่ตอบสนองต่อยากลุ่มพีดีอี 5 ไอ หรือพูดสั้น ๆ ก็คือดื้อต่อยาเฉพาะกิจ คือกินยาแล้วไม่เกิดการแข็งตัวขององคชาต ทำให้ไม่สามารถร่วมเพศได้ การจัดการกับคนไข้ที่ไม่ตอบสนองต่อยากลุ่มนี้ คือ การให้ความรู้แก่คนไข้ ภาวะอีดีถือว่าเป็นภาวะเรื้อรังซึ่งต้องมีการตรวจติดตามอาการ ไม่เพียงเพิ่มการสื่อสารกันระหว่างแพทย์และคนไข้ แต่ยังเป็นการให้ความรู้แก่คนไข้อย่างต่อเนื่อง

การตรวจติดตามอาจเป็นการแนะนำการใช้ยาหรืออาจมีการปรับการใช้ยาโดยอาจเป็นเวลาการใช้ยา หรือปริมาณการใช้ยา หรือแนะนำให้มีการกระตุ้นทางเพศเพื่อให้เกิดการแข็งตัวที่ดีก็ได้ โดยการศึกษาหนึ่งได้แนะนำการใช้ยาและปรับขนาดยาพบว่า คนไข้ 32-44% ที่ไม่ตอบสนองต่อยาในตอนแรกกลับมาตอบสนองต่อยา ฉลากยาพีดีอี 5 ไอ ส่วนมากระบุว่าสามารถทานยาพร้อมหรือไม่พร้อมกับอาหารก็ได้ ถึงแม้จะมีข้อควรระวังว่าอาหารที่ไขมันสูงอาจทำให้การออกฤทธิ์ช้าลงก็ตาม ซึ่งฤทธิ์ของยาอาจลดลงได้หากคนไข้ไม่ทราบถึงข้อนี้

นอกจากนี้การกระตุ้นทางเพศที่ไม่เพียงพอหลังจากใช้ยาก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ไม่ตอบสนองต่อยาได้ โดยเฉพาะในคนอายุมาก การรักษาภาวะไขมันในเลือดสูง ช่วยให้การตอบสนองต่อยาดีขึ้นได้ มีการศึกษาเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพ
ทางเพศในชายที่มีภาวะอีดีและคอเลสเตอรอลในเลือดสูง และไม่ตอบสนองต่อยา พีดีอี 5 ไอ ด้วยยาลดไขมัน พบว่ามีการแข็งตัวขององคชาตที่ดีขึ้นและการตอบสนองต่อยาพีดีอี 5 ไอ ดีขึ้น

ปรับระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ชายที่มีระดับฮอร์โมนเพศต่ำและไม่ตอบสนองต่อยาพีดีอี 5 ไอ อาจได้ประโยชน์จากการปรับระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนให้เป็นปกติ ชายที่ไม่ตอบสนองต่อยาพีดีอี 5 ไอ อาจมีการพร่องฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนได้ มีการศึกษาการเสริมฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนควบคู่กับการใช้ยาพีดีอี 5 ไอ มีประโยชน์ในชายที่ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ (น้อยกว่า 3 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร) โดยระดับฮอร์โมนยิ่งต่ำผลที่ได้รับยิ่งมาก โดยมีการตอบสนองต่อยาพีดีอี 5 ไอ ที่ดีขึ้น อาจเกิดจากการที่มีการไหลเวียนของเลือดสู่องคชาตมากขึ้น

ระหว่างมีการกระตุ้นทางเพศ การศึกษาอื่นสอดคล้องกับผลนี้โดยมีการศึกษาในชายที่มีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ (ช่วงเช้าได้ต่ำกว่าหรือเท่ากับ 4 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร) และยืนยันแล้วว่าไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาพีดีอี 5 ไอ พบว่าการใช้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน 1% ทุกวันร่วมกับยาเฉพาะกิจ 50 มิลลิกรัมเป็นเวลา 12 สัปดาห์พบว่ามีการแข็งตัวขององคชาตที่ดีขึ้นมาก ด้วยเหตุนี้แพทย์จึงควรตรวจคัดกรองภาวะฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำในชายที่เป็นอีดีก่อนการรักษา.
..............
ดร.อุ๋มอิ๋ม